สารจาก อธิการบดี

          อธิการบดี
รองศาสตราจารย์ ดร.ประจักษ์ พุ่มวิเศษ
              ผมเรียนข้อมูลเกี่ยวกับโครงการพัฒนามหาวิทยาลัย(พื้นที่ส่วนขยาย)หรือโครงการเมืองทองบางนา ที่เรากำลังเข้าไปดำเนินการปรับปรุงก่อสร้างหลังจากที่ล่าช้าไปจากแผน กว่า 2 ปี เนื่องจากมีอุปสรรคหลายประการ  ประกอบกับมหาวิทยาลัยมีความตั้งใจที่จะให้เจ้าของห้องและผู้พักอาศัยในอาคารชุด ที่ติดกับโครงการฯทั้งสองข้าง ได้รับทราบวัตถุประสงค์ที่แท้จริงของ มหาวิทยาลัยในโครงการนี้ ประเด็นที่เราต้องทำความเข้าใจหลักๆคือ:
            ก.) เจ้าของห้องและผู้พักอาศัยในอาคารชุดซึ่งอยู่ติดกับโครงการฯทั้งสองข้าง มีความกังวลว่าเมื่อมหาวิทยาลัยเข้าไปดำเนินการและสร้างรั้วล้อมรอบเขตก่อสร้างเพื่อความปลอดภัยบนที่ดินของมหาวิทยาลัย (ซึ่งขณะนี้กำลังดำเนินการอยู่แต่ยังไม่เสร็จนั้น) ถ้าทำรั้วที่ล้อมเสร็จ จะเป็นผลทำให้ผู้พักอาศัยไม่มีทางออกสู่ถนนสาธารณะได้ เว้นแต่จะแก้ปัญหานี้โดยการทำ “ทางออกใหม่” ให้กับชุมชนทั้งสองข้าง ที่อยู่ติดกับโครงการฯ ซึ่งทางมหาวิทยาลัยได้พยายามติดต่อผู้เกี่ยวข้อง เพื่อแก้ไขปัญหาให้มาโดยตลอด ได้หารือกับธนาคารธนชาตและในที่สุดสามารถ “ทำทางออกใหม่”ให้กับชุมชนได้แล้ว แต่ก็ได้เฉพาะในส่วนที่เป็นด้านที่ธนาคารธนชาตมีกรรมสิทธิ์  ในขณะเดียวกันเราได้พยายามหารือกับบริษัทเมืองทอง ผู้ถือกรรมสิทธิ์ในอีกด้านหนึ่ง เพื่อที่จัดทำทางออกให้กับชุมชนด้านนั้น เช่นเดียวกับที่ได้ทำทางออกเสร็จแล้วทางด้านของธนาคารธนชาต แต่มหาวิทยาลัยก็ยังไม่ได้รับคำตอบใดๆ แม้ว่าขณะนี้จะเลยเวลาที่ทางผู้แทนของเมืองทองได้รับปากไว้ว่า จะให้คำตอบมาแล้วหลายวันก็ตาม ชุมชนด้านด้านเมืองทองถือกรรมสิทธิ์จึงไม่เข้าใจ  และมาร้องเรียนต่อมหาวิทยาลัย
             ข.)มีเจ้าของห้องและผู้พักอาศัยในอาคารชุด แม้จะเป็นกลุ่มที่มีจำนวนน้อยคนที่ไม่เข้าใจ ได้พยายามอ้างสิทธ์ิว่ามีกรรมสิทธิ์ในถนนเส้นที่ตัดผ่ากลางที่ดินของมหาวิทยาลัย    โดยยืนยันจะใชัสิทธิที่จะใช้ถนนเส้นนี้สำหรับนี้ขับรถผ่านกลางโครงการฯ และอ้างสิทธิ์ที่จะจอดรถในที่ของมหาวิทยาลัยเหมือนก่อนที่มหาวิทยาลัยจะซื้อและเข้าไปปรับปรุงก่อสร้าง ซึ่งทางมหาวิทยาลัยได้เรียนชี้แจงไปว่า ไม่ขัดข้องที่จะให้ใช้เป็นทางสัญจรได้ รวมทั้งยินดีและเต็มใจให้สิทธิ์แก่ท่านเหล่านี้ผ่านทางเส้นนี้ได้ เช่นเดืยวกับบุคคลากรและนักศึกษาทุกคนของมหาวิทยาลัย   แต่ด้วยที่บริเวณโครงการฯ ทั้งมีเนื้อที่ทั้งหมดไม่กว้างมากนัก แต่ละอาคารก็อยู่ใกล้ชิดกันมาก สามารถเดินถึงกันได้ ทางมหาวิทยาลัยได้วางแผนตั้งแต่ต้นว่าจะปลูกต้นไม้ให้มาก จะมีทางเดินที่มี cover ways ซึ่งมีไม้เลื้อย  และออกแบบให้ทั้งโครงการฯ เป็น car free zone ซึ่งนอกจะช่วยสิ่งแวดล้อมแล้วยังเป็นผลดีกับสุขภาพด้วย เรื่องนี้ชาว มฉก ก็ได้ทราบมานานแล้ว เพราะจะช่วยลดปริมาณคาร์บอนไดออกไซด์ ทั้งภายในบริเวณโครงการฯและในชุมชนที่ติดกันทั้งสองข้าง เพื่อลดมลพิษ และลดสภาวะโลกร้อน ฯลฯ
         การตัดสินใจซื้อที่ดินและสิ่งก่อสร้างของมหาวิทยาลัยบนที่ผืนนี้เพื่อทำโครงการฯ ก็เพื่ออนาคตอีกหลายสิบปีข้างหน้าของทั้งมหาวิทยาลัยและชุมชน โดยมุ่งหวังว่า:-
          1.) จะอยู่ร่วมกับชุมชนอย่างสร้างสรรค์เป็นประโยชน์ ตามเจตนารมย์การก่อตั้งมหาวิทยาลัย เพื่อ “รับใช้สังคม”
          2.) จากปรัชญาการก่อตั้งที่สร้างสถาบันการศึกษาเพื่อสังคมโดยไม่มุ่งผลกำไร การเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นทั้งในโครงการและโดยรอบ ก็คำนึงให้มีความแตกต่างกับชุมชนโดยรอบ”น้อยที่สุด” แต่จะทำให้ร่มรื่นด้วยการปลูกต้นไม้ ลดมลพิษ อนุรักษ์สิ่งแวดล้อม จะไม่รื้อสิ่งปลูกสร้างเดิมทิ้งแล้วสร้างใหม่ที่จะสะดวกกว่า แต่จะใช้โครงสร้างที่มีอยู่เดิมมาปรับปรุง โดยเฉพาะสภาพภายนอกจะไม่ให้เกิดความขัดแย้งหรือน่าเกลียดทางสถาปัตยกรรม
       3.) การที่เป็นสถาบันการศึกษาของสังคม มหาวิทยาลัยมีความพร้อมที่จะร่วมมือกับชุมชนอย่างใกล้ชิด เพื่อช่วยกันสร้างสรรค์พัฒนาสังคมแห่งนี้ให้เจริญและก้าวหน้าอย่างยั่งยืน สู่สังคมการเรียนรู้ ให้เกียรติและเคารพในศักดิ์ศรีของกันและกัน มีจริยธรรม พึ่งพาอาศัยและเกื้อกูลต่อกัน และอยู่ร่วมกันอย่างมีสันติสุข
          4.) มหาวิทยาลัยจะร่วมกันชุมชนอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่องในการ แลกเปลี่ยนและจัดการความรู้และประสบการณ์กับชุมชน เพื่อร่วมกันพัฒนาร่วมกันฝึกอบรม ทั้งความรู้และจริยธรรมให้เยาวชนรุ่นต่างๆในชุมชน เพื่อสร้างสรรค์อนาคตที่ดีขึ้นร่วมกัน ทั้งสำหรับครอบครัว ชุมชน สังคมและ ประเทศ
       ด้วยความหวังของมหาวิทยาลัยที่จะมีส่วนในการร่วมกับชุมชนในการพัฒนาเจริญก้าวหน้า อย่างยั่งยืน และมีความสวยงามเช่นเดียวกันกับพื้นที่ที่เราอยู่ ณ. ปัจจุบัน ที่ มฉก บางพลี  เราชาว มฉก จะไม่ปฏิเสธชุมชนเพื่อนบ้าน แต่จะขอหยิบยื่นไมตรีจิตและยินดีที่จะให้สมาชิกของชุมชนรอบโครงการฯ ร่วมใช้ทรัพยากร ของมหาวิทยาลัย ไม่ว่าจะเป็นถนนหรืออาคารที่จอดรถ โดยให้มีศักดิ์และสิทธิ์เหมือนกันกับชาว มฉก ทุกคน  การเข้าดำเนินการปรับปรุงก่อสร้างของมหาวิทยาลัย ในแต่ละขั้นตอน จึงก็ทำอย่างระมัดระวัง และใคร่ครวญถึงผลที่จะกระทบต่อชุมชน รวมทั้งมีการแจ้งให้ชุมชนทราบการดำเนินการที่อาจจะมีผลกระทบทุกครั้ง และคำนึงถึง “ชื่อเสียงและเกียรติคุณของมหาวิทยาลัยและมูลนิธิปอเต็กตึ๊งซึ่งก่อตั้งมา กว่า 100 ปี” ด้วย จากที่จะทำเพื่อสังคม ก่อนการดำเนินการใดๆ มหาวิทยาลัยจะนำประเด็นนั้น เรียนเสนอเพื่อหารือและชี้แจงทำความเข้าใจและเห็นชอบจากผู้ใหญ่ที่เกี่ยวข้องในการกำกับดูแลโครงการนี้ทั้งระดับกรรมการสภามหาวิทยาลัย และกรรมการมูลนิธิฯก่อนเสมอ
         ผมจึงใคร่ขอเรียนชาว มฉก ทุกท่านเพื่อโปรดเชื่อมั่นว่า “มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ” จะไม่ทำสิ่งที่ไม่ถูกต้อง จะไม่ทำสิ่งที่ขัดต่อคุณธรรมจริยธรรม จะไม่ทำผิดกฎหมาย จะไม่เอารัดเอาเปรียบสังคมหรือผู้ใดผู้หนึ่ง จะไม่ทำการใดให้เกิดผลกระทบในทางลบ ต่อสิ่งแวดล้อม ทั้งภายในโครงการฯ และต่อชุมชนโดยรอบ จะไม่ทำสิ่งใดๆที่เป็นความไม่รับผิดชอบ แต่ต้องการร่วมแก้ปัญหากับชุมชนเพื่อหาทางออกที่เหมาะสมด้วยกัน
      อย่างไรก็ตาม ก็อาจจะเกิดความผิดพลาดขึ้นได้โดยคาดไม่ถึง  แม้เราจะพยามยามป้องกันแล้วอย่างเต็มที่ เช่น การดำเนินงานหลายๆเรื่องไปพร้อมๆกัน การทำผิดขั้นตอน เรื่องที่ควรทำก่อนกลับทำทีหลัง หรือกลับทำเรื่องที่ควรทำทีหลังก่อน หรือการเข้าใจผิดจากการสั่งการหรือการรับคำสั่ง บอกให้ทำอย่างหนึ่งแต่กลับไปทำอีกอย่าง เป็นต้น  ดังนั้นการช่วยกันติดตามตรวจสอบการดำเนินงานของโครงการฯอย่างใกล้ชิดและสม่ำเสมอของเราทุกคน จะช่วยป้องกันความผิดพลาด และความสามารถแก้ไขปัญหาที่จะเกิดขึ้นได้รวดเร็วทันท่วงที ทางมหาวิทยาลัยจัดให้มี “หน่วยประสานงานโครงการพัฒนามหาวิทยาลัยส่วนขยาย” ขึ้น  มีสำนักงานชั่วคราว ที่ “หน่วยตรวจสอบภายใน” ของ มฉก. ดังนั้นถ้าท่านได้พบเห็นสิ่งไม่ถูกต้อง หรือรับทราบข้อมูลที่ไม่เข้าใจไม่ว่าจะเล็กน้อยเพียงใด โปรดแจ้ง หรือสอบถามไปที่ “หน่วยประสานงานฯ” ดังกล่าวนี้ หรือจะสอบถามโดยตรงไปที่อาจารย์ฉลอง แขวงอินทร์ รองอธิการบดีก็ได้ครับ เพื่อทาง มหาวิทยาลัยจะได้รีบแก้ไขข้อผิดพลาดได้ทันท่วงที
ขอบพระคุณครับ
ประจักษ์ พุ่มวิเศษ
Prachak Poomvises

About admin